อายุมากขึ้น เบาหวานก็มาเยือน ปรับอาหารอย่างไร ให้ห่างไกลโรค

โครงการวิจัย “สูงวัย.ไทย” แอพดูแลสุขภาพตนเองด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ พัฒนาโดย คณะแพทยศาสตร๋ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับ สบวส กระทรวงสาธารณสุข และ หลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

เพิ่มเพื่อน

อายุมากขึ้น เบาหวานก็มาเยือน ปรับอาหารอย่างไร ให้ห่างไกลโรค

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ยิ่งอายุมากขึ้น เราก็ยิ่งต้องใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง หนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุก็คือ โรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการปรับอาหารสำหรับผู้สูงวัย เพื่อป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานมาฝากกันครับ

ทำไมผู้สูงอายุจึงเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน?

  • การทำงานของร่างกายเปลี่ยนแปลง: เมื่ออายุมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายลดลง รวมถึงตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • มวลกล้ามเนื้อลดลง: ผู้สูงอายุมักมีมวลกล้ามเนื้อลดลง ทำให้ร่างกายใช้น้ำตาลได้น้อยลง
  • โรคประจำตัว: ผู้สูงอายุหลายท่านมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
  • การใช้ยา: ยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคในผู้สูงอายุ อาจมีผลข้างเคียงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น

ปรับพฤติกรรมการกินอย่างไร ให้ห่างไกลเบาหวาน?

  • เลือกทานคาร์โบไฮเดรตที่ดี: ลดข้าวขาว ขนมปังขาว และแป้งขัดสี หันมาทานข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ธัญพืชไม่ขัดสี และผักผลไม้ที่มีกากใยสูง ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง
  • ควบคุมปริมาณ: ทานอาหารแต่พอดี ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย แบ่งอาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ ทานวันละ 4-6 มื้อ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ลดหวาน มัน เค็ม: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด เช่น น้ำหวาน ขนมหวาน และผลไม้ที่มีรสหวานจัด จำกัดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารมัน และเลือกใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว ลดปริมาณโซเดียม โดยจำกัดการทานอาหารรสเค็มจัด เช่น อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป
  • เพิ่มโปรตีน: เลือกทานโปรตีนจากเนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ ถั่ว เต้าหู้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น
  • ดื่มน้ำสะอาด: ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ: เพื่อขอคำแนะนำในการวางแผนอาหารที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และโรคประจำตัว

ตัวอย่างอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย

  • มื้อเช้า: ข้าวต้มปลา ใส่ผักเยอะ ๆ หรือ โจ๊กหมูสับ ใส่ไข่ และผัก
  • มื้อกลางวัน: แกงส้มผักรวม กับปลา หรือ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ กับข้าวกล้อง
  • มื้อเย็น: สลัดผัก กับ อกไก่ย่าง หรือ ยำปลาทูน่า กับ ผักสด

อย่าลืมว่า: การปรับพฤติกรรมการกิน ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน และช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตที่ยืนยาว และมีความสุข

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือนักโภชนาการได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน